๒) ภาพพจน์
๒.๑) การเปรียบเทียบเกินจริง คือ การกล่าวเกินจริง เพื่อให้ได้คุณค่าทางอารมณ์เป็นสำคัญในโครงบทที่ ๑๓๙ที่ว่าเอียงอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย
เมรุชุบสมุทรดินลง เลขแต้ม
อากาศจักจารผดง จารึก พอฤา
โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤาเห็น
กวีใช้คำ เอียงอกเท แทนสิ่งที่อยู่ในใจ ใช้เขาพระสุเมรชุบน้ำและดินแทนปากกาเขียนข้อความในโอกาส ซึ่งล้วนเป็นลักษณะที่เกินความจริง
ส่วนบทที่แสดงการคร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก ไม่มีบทใดหนักแน่นเท่ากับโครงบทที่ ๑๔๐ ที่ว่า
ตราบขุคิริข้น ขาดสลาย แลแม่
รักบ่หายตราบหาย หกฟ้า
สุริยจันทรขจาย จากโลก ไปฤา
ไฟแล่นล้างสี่หล้า ห่อนล้างอาลัย
โครงบทนี้เป็นตัวอย่างของการใช้กวีโวหารเปรียบเทียบที่โลดโผนอีกบทหนึ่งกวีใช้ภาพพจน์ชนิดอธิพจน์ ซึ่งเป็นการกล่าวเกินจริงเพื่อสร้างอารมณ์และความรู้สึก ในที่นี้เมื่ออ่านแล้ว นักเรียนจะเห็นโอกาสที่กวีจะสิ้นอาลัยนางมิอาจเป็นไปได้เลย เพราะกว่าที่ขุนเขา สวรรค์ทั้ง๖ชั้น ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จะสูญสลายไปจากโลกนั้น คงนานแสนนานจนกำหนดนับมิได้และกว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์มาล้างโลกทั้ง ๔ นั้น ก็ต้องกินระยะเวลาอันยาวนานที่มิอาจนับได้เช่นกัน ดังนั้น โครงบทนี้จริงเป็นโครงปิดฉากการคร่ำครวญได้อย่างงดงาม โดยการให้ปฏิญญาที่มีน้ำหนักมากที่สุดแก่นางคือ กวีจะมิมีวันสิ้นรักและอาลัยนางนั้นเอง
๒.๒) การใช้บุคคลวัต กวีใช้การสมมติสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ให้มีกิริยาอาการความรู้สึกเหมือนมนุษย์
จากมามาลิ่วล้ำ ลำบาง
บางยี่เรือราพลาง พี่พร้อง
เรือแผงช่วยพานาง เมียงม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง คล่าวน้ำตาคลอ
จะเห็นได้ว่ากวีใช้บางยี่เรือและเรือแผงให้มีกิริยาเหมือนมนุษย์ คือ ให้บางยี่เรือช่วยเอาเรือแผงไปรับนางมาแต่นางยี่เรือก็ไม่รับคำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น